ม.จ.จุลเจิม เศร้า! หน่วยงานปล่อย เจดีย์อัฐิพระราชธิดา ร.1 ทรุดโทรม

ม.จ.จุลเจิม เศร้า! หน่วยงานปล่อย เจดีย์อัฐิพระราชธิดา ร.1 ทรุดโทรม

ม.จ.จุลเจิม ไม่เข้าใจปล่อย เจดีย์อัฐิพระราชธิดา ร.1 ทรุดโทรม ถาม กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร ทำไมไม่คิดปรับปรุง เพื่อถวายพระเกียรติยศ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ออกมาโพสต์เชิงตั้งคำถามถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ถึงสาเหตุที่ เจดีย์ปลา ที่วัดดุสิดาราม คาดว่าเป็นที่บรรจุอัฐิของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ พระราชธิดาของรัชกาลที่ 1 ถูกปล่อยให้ทรุดโทรม เหลือแต่ซากปรักหักพัง

จากภาพของเจดีย์ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ 

ที่ ม.จ.จุลเจิม ได้โพสต์ลงสื่อโซเชียลของตัวเองนั้น จะสังเกตุได้ว่า บริเวณซึ่งเจดีย์นี้ตั้งอยู่เต็มไปด้วยใบไม้ รากไม้ที่เกาะเกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างหนาแน่น แถมสภาพโดยรอบก็ดูทรุดโทรม บ่งบอกให้เห็นว่าไม่มีการดูแลรักษามาเป็นเวลานาน

ขณะเดียวกันนอกจากออกเรียกร้องถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ม.จ.จุลเจิม ยังได้อ้างอิงประวัติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี โดยพระนามเดิมชื่อว่า แจ่ม เป็นประราชธิดาพระองค์ที่ 5 ในรัชกาลที่ 1 ประสูติจากสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในปี พ.ศ. 2313 สิ้นพระชนมในวันที่ 7 สิงหาคม 2351 สิริพระชนมายุ 38 พรรษา

นอกจากนี้ รัชกาลที่ 1 ยังพระราชทานพระโกศทองใหญ่ ทรงพระศพให้ แต่พงศาวดารบางเล่มบอกว่า ได้รับพระราชทานโกศไม้สิบสอง ส่วนในพิธีพระราชทานเพลิงศพ รัชกาลที่ 1 ทรงพระภูษาลายพื้นขาวทุกวัน ดำรัสว่า “ลูกคนนี้รักมากต้องนุ่งขาวให้”

จับตาที่ประชุม ศบค. หารือกลับมาใช้มาตรการ Test&Go กระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยว เบื้องต้วางแนวทางใช้ หมอชนะ ป้องกันนักท่องเที่ยวหลบหนี

นาย ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก จะร่วมกันพิจารณารายละเอียด และมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับมาตรการ Test&Go ที่อาจจะมีการนำกลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ต้องระงับการลงทะเบียนชั่วคราว เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดโอมิครอน

หมอแล็บ ยันอีกเสียง ‘เดลตาครอน’ ไม่มีอยู่จริง

หมอแล็บแพนด้า ยันชัดอีกเสียง โควิดพันธุ์ลูกผสม เดลตาครอน ไม่มีอยู่จริง หลังก่อนหน้านี้ข่าวลือพบ โควิดสองสายพันธุ์ผสมกันที่ไซปรัส ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ศาสตราจารย์ ลีออนดิออส คอสทริคีส หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพและไวรัสวิทยาระดับโมเลกุล มหาวิทยาลัยไซปรัส ได้เปิดเผยกับทีวีท้องถิ่นวันที่ 7 มกราคมว่า ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อ “โอมิครอน+เดลตา” สองสายพันธุ์ในผู้ป่วย ซึ่งเป็นไวรัสโควิดกลายพันธุ์สองสายพันธุ์ผสมกันในตัวเดียวกัน จึงได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “เดลตาครอน” (Deltacron) โดยมียีนที่เป็นเอกลักษณ์ของโอมิครอน ฝังตัวอยู่ในยีนของเดลตา

หลังจากข่าวเรื่องไวรัสกลายพันธุ์ เดลตาครอน ตัวนี้ถูกนำเสนออกไปก็สร้างความกังวลให้กับคนจำนวนมาก แต่ล่าสุด ฐานข้อมูลกลางโควิดโลก หรือ GISAID ที่มีหน้าที่ทางวิชาการในการตรวจสอบรหัสพันธุกรรมของไวรัสก่อโรคโควิดมาตลอดสองปี ยืนยันแล้วว่า เจ้าเดลตาครอนนี้ไม่มีอยู่จริง

เช่นกับที่ ล่าสุด (20 ม.ค.65) เฟซบุ๊กแฟนเพจ หมอแล็บแพนด้า ของทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์คนดัง ได้โพสต์อัปเดตเกี่ยวกับเจ้าโควิดพันธุ์ลูกผสม “เดลตาครอน” นี้เช่นกัน โดยช่วยยืนยันอีกเสียงว่า ไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นไวรัสสายพันธุ์เดลตาเดิม

ข้อความจากโพสต์ของหมอแล็บแพนด้า ระบุดังนี้ “ชัดเจนแล้ว ไวรัสเดลตาครอน (Deltacron) ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นไวรัสสายพันธุ์เดลตาเดิมที่ปนเปื้อนในขั้นตอนตรวจแล็บวิเคราะห์สารพันธุกรรม”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตหลายคนก็เข้ามาแสดงความเห็นโดยยอมรับว่า รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้ทราบข่าวนี้

ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่เพจหมอแล็บฯ จะออกมายืนยันข้อมูลว่า ไวรัสเดลตาครอนไม่มีอยู่จริงนั้น ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา คือบุคคลแรกที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ยืนยันความชัดเจนกรณีประเทศไซปรัสพบการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ลูกผสม ระหว่าง “เดลตา” กับ “โอไมครอน” ที่มีชื่อว่า “เดลตาครอน” โดยเนื้อหาฉบับเต็ม อธิบายรายละเอียดทั้งหมดไว้ ตามข้อมูลด้านล่างนี้

“ความรู้เรื่อง COVID-19 (ตอนที่ 1094) 19 มค2565 ชัดเจนแล้ว ไวรัส Deltacron ไม่มีอยู่จริง จบดราม่าไวรัสใหม่จากไซปรัส  จากกรณีนักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยไซปรัส ได้ออกข่าวไปทั่วโลก ผ่านสำนักข่าวต่างประเทศบางแห่งว่า ได้พบไวรัสก่อโรคโควิดสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด และตั้งชื่อเรียบร้อยด้วยว่า เดลตาครอน (Deltacron) เพราะเชื่อว่าเป็นการผสมพันธุ์กันระหว่างไวรัสเดลต้ากับไวรัสโอมิครอน”

“ต่อมาสื่อของประเทศไทยบางแห่ง ก็ได้นำเสนอข่าวดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดเป็นประเด็นของความตื่นเต้นไปทั่วว่า มีไวรัสตัวใหม่เกิดขึ้น ขณะนี้มีความชัดเจนเรียบร้อยแล้วคือ GISAID หน่วยงานกลางระดับโลก ที่มีหน้าที่ทางวิชาการในการตรวจสอบรหัสพันธุกรรมของไวรัสก่อโรคโควิดมาตลอดสองปี โดยจะมีหน่วยงานของประเทศต่างๆ ส่งรหัสพันธุกรรมของไวรัสไปให้ GISAID ตรวจสอบและทำการจัดหมวดหมู่ ก่อนจะประกาศรับรองต่อไป”

Credit : iwamisoh.com jtrk57.net katetriano.net kichoudaikou.com lapidisrael.org levitravardenafilgeneric.net materterapia.net mentaltraining24.net meridiannet.net metropolisspasalon.net