หนุ่ม กรรชัย เปิดเผยกลางรายการว่าคืนก่อนที่คลิปได้รับการเผยแพร่ออกไป ผู้กำกับโจ้ ให้เพื่อนทักแชทมา บอกว่าชีวิตจริงไม่ได้เป็นคนแบบนั้น หนุ่ม กรรชัย พิธีกรข่าวชื่อดังได้ออกมากล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องสามว่า คืนก่อนที่คลิปวินาที พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ใช้คลุมถุงผู้ต้องหายาเสพติดได้รับการเผยแพร่ออกไปจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากนั้น
ผู้กำกับโจ้ให้เพื่อนของ หนุ่ม กรรชัย ติดต่อหา โดยแชทในช่วงเวลา 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่มครึ่ง
โดยเพื่อนถามโจ้ว่า โอเคไหม โทรหาเหมือนสายไม่ว่าง สติเท่านั้น โจ้ บอกว่า ถ้าพอคุยได้รบกวนช่วยบอกพี่หนุ่ม โจ้ไม่ได้เป็นคนแบบนั้นชีวิตมีแต่ให้จริงๆ เพื่อนก็บอกว่าคุยนอกรอบไหม พี่หนุ่มแกคนดีตรงๆ โจ้ ตอบกลับมาว่า ผมคุยไม่ได้ต้องให้กรรมการตรวจสอบบอกเอง ก่อนที่สุดท้าย โจ้ บอกว่า บอกเค้าก็พอว่าผมเป็นคนแบบไหน
หนุ่ม กรรชัย กล่าวอีกว่า จริงๆ ผู้กำกับโจ้ไม่ต้องฝากเพื่อนผมมาบอกก็ได้ กลับมาแล้วมาบอกเอง อยากฟังจากคำพูดว่าเป็นคนแบบไหน เพราะแชทนี้พยายามติดต่อมาคืนก่อนปล่อยคลิปไม่กี่ชั่วโมง แต่ตอนนี้ติดต่อไม่ได้แล้ว พอคุยกันจากนั้นอีกวันคลิปนี้ก็ถูกปล่อยออกมาเลย
ชาวเน็ตจวกวงการสีกากียับ หลัง สันธนะ รับกลางรายการว่าเคยทำแบบ ผกก.โจ้ แต่พูดได้เพราะหมดอายุความแล้ว คาดเหตุเกิดเพราะผู้ลงมือขาดประสบการณ์ กลายเป็นกระแสฮือฮาในสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก หลังจากที่ สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันนิบาล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวคดีของผู้กำกับโจ้ที่ใช้ถุงคลุมศีรษะทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาจนเสียชีวิตในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ที่ออกอากาศผ่านสถานทีโทรทัศน์ช่องสาม
โดยนาย สันธนะ ระบุว่า “เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ขาดประสบการณ์ ผมไม่เข้าใจว่าที่พวกเขาทำต้องการจะเค้นหรือฆ่า คุณนำถุงมัดติดสองใบ รัดแล้วก็บีบ ยังเอาถุงดำเข้าไปคลุมเขาอีกเนี่ย นี่คุณจะฆ่าเขานะ แล้วการที่เขาจะขาดอากาศหายใจ คุณต้องรู้ด้วยซิ
ถ้าคุณมีประสบการณ์พอเนี่ย จังหวะไหนต้องผ่อน ต้องคลาย ต้องให้โอกาสเขาพูด คุณทำเหมือนคุณจะตั้งใจฆ่าเขาเลยนะ แต่อาจจะเป็นเรื่องเขาขาดประสบการณ์ ตรงนี้มากกว่า ในความเห็นผม และสถานที่เขาทำเนี่ย มันอยู่ในพื้นที่ของสถานี การที่คุณจะทำแบบนี้คุณต้องมีเซฟเฮาส์ ซึ่งต้องไม่อยู่ในสถานีคุณ ภาพจึงปรากฏออกมาชัดเจน ผ่านกล้องวงจรปิดทั้งหมด”
หนุ่ม กรรชัย พิธีกรของรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ก็ได้ถามนาย สันธนะ ว่า “หลายคนสงสัยกันเยอะว่า เวลาตำรวจเขาจะสอบปากคำ ต้องใช้วิธีรุนแรงแบบนี้ ในยุคพี่ (สันธนะ) ทำแบบนี้รึเปล่า?”
โดย นาย สันธนะ ได้ตอบกลับว่า “ยุคผมสมัยก่อนมันก็มี ผมยอมรับ เพราะว่าขณะนั้นเทคโนโลยีไม่ได้มาถึงขั้นนี้ ในการจับกุมคนร้ายมันยากเย็น มันต้องมีวิธีการสอบสวน เราก็ยอมรับว่าเคยทำในลักษณะนี้”
หนุ่ม กรรชัย จึงถามแทรกว่า “พี่เองเคยทำหรอฮะ?” ซึ่ง นาย สันธนะ ได้ตอบกลับว่า “ผมยังไงทำก็หมดอายุความแล้ว ผมพ้นจากราชการมายี่สิบสามปี ก็ยอมรับว่าทำ” หลังจากคลิปวินาทีดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกไปก็ได้ทำเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างรุนแรง พร้อมต่อว่าวิธีการทำงานที่นาย สันธนะ พูดออกกลางรายการ
ผบ.ตร. ยันล่า ผู้กำกับโจ้ มาลงโทษ แม้มีข่าวหนีออกนอกประเทศ
ผบ.ตร. ระดมทีมล่า ผู้กำกับโจ้ ยันถ้าหนีก็จะจับมาลงโทษให้ได้ หลังมีข่าวออกนอกประเทศ ยำชัดไม่มีใครปกป้องใครแน่นอน ผู้กำกับโจ้ – ความคืบหน้ากรณี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาชายจนเเสียชีวิต รีดไถเงินอีก 2 ล้านบาท กระทั่งมีคลิปออกมา จนล่าสุดศาลอนุมัติออกหมายจับ แต่ยังไม่พบตัว
ด้าน พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ก่อนหน้านี้ ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว ได้ตอบข้อซักถามในรายการ ข่าว 3 มิติ เมื่อช่วงดึกวานนี้ (24 ส.ค.) ถึงกระแสข่าวลือว่า ผู้กำกับโจ้ ได้หนีออกนอกประเทศไปแล้วนั้น ทาง ผบ.ตร. ยืนยันจะไม่มีใครปกป้องใครทั้งนั้น ถ้าหนีก็จะใช้ทุกวิธีตามจับกลับมาให้ได้ หากนำตัวมาไม่ได้ ความเชื่อมั่นก็จะไม่เกิด และจะเสียหายต่อภาพรวมทั้งหมด “ในฐานะที่เคยเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อยากให้สำนึกในความรับผิดชอบชั่วดีบ้าง สำนึกไม่ได้ก็ให้สำนึกในความเป็นมนุษย์บ้างก็ยังดี ถ้าทำก็รับสารภาพและก็รับโทษไป มันหนีไปไม่ได้อยู่แล้ว” บทสัมภาษณ์ของ พล.ต.อ. สุวัฒน์
ทั้งนี้ความคืบหน้าล่าสุด (25 ส.ค.64) จากรายงานของ ไทยรัฐออนไลน์ เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.ที่ผ่านมา หลังมีการออกหมายจับ ตอนนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว 4 ราย หลบหนีอยู่ 3 ราย โดยหนึ่งในนั้นมี ผู้กำกับโจ้
โดยครั้งสุดท้ายที่เจอตัว ผกก.โจ้ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผกก.โจ้ ได้เข้ามาลงชื่อปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 หลังจากนั้นวันจันทร์ ไม่มารายงานตัว เจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกว่าขาดราชการในวันจันทร์ และอังคาร ก่อนที่วันพุธ จะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน มีโทษทางวินัยคือ การขาดราชการไป 2 วัน โดยเวลานี้ทางตำรวจจึงไม่ทราบเบาะแสว่าไปที่ไหน แต่ ตำรวจภูธรภาค 6 กำลังระดมกำลังติดตามหาตัวสุดความสามารถ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป